
23ส.ค.
ฤดูฝนที่มาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำแล้ว ยังนำพาโรคเชื้อราต่างๆ ที่มาพร้อมกับความชุ่มชื้นอีกด้วย เกษตรกรที่กำลังปลูกพืชต่างๆ ทุกระยะ ควรมีการวางแผนที่ดี เพื่อสกัดและป้องกันโรคที่ตามมาได้ เชื้อราเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคพืชมากที่สุด หากฝนตกติดต่อกันเกินกว่า 2-3 วัน ต้นไม้เป็นเชื้อราได้ง่ายและมีการระบาดได้อย่างรวดเร็วเพราะสปอร์เชื้อราสามารถกระจายไปกับน้ำฝนและลม หรือสิ่งมีชีวิตเป็นตัวนำพาเชื้อราไปสู่ต้นไม้ได้ เชื้อราบางชนิดสามารถพักตัวได้เป็นเวลานานเป็นปี โดยเชื้อรามีความสามารถในการเข้าไปทำลายพืชทั้งทางแผลช่องเปิดธรรมชาติหรือเข้าทำลายเนื้อเยื่อพืชได้โดยตรงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อรา
โรคราน้ำค้าง เชื้อสาเหตุ : เชื้อรา Peronospora parasitica
- ลักษณะอาการ ใบจะเป็นจุดละเอียดสีดำอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ด้านใต้ใบ จุดเหล่านี้จะมีราสีขาวอมเทาอ่อนคล้าย ผงแป้งขึ้นเป็นกลุ่มๆ กระจายทั่วไป มีแผลเกิดก่อนแล้วลุกลามขึ้นไปยังใบที่อยู่สูงกว่า ใบที่มีเชื้อราขึ้นเป็นกลุ่มกระจายเต็มใบจะมีลักษณะเหลืองและใบจะร่วงหรือแห้ง
- การระบาด : ระบาดได้ทั้งแต่ระยะที่เป็นต้นกล้าจนเจริญเติบโตเต็มที่ สร้างความเสียหายมากเพราะทำให้ใบเสีย เจริญเติบโตช้า ทำให้น้ำหนักลดลง เพราะต้องตัดใบที่เป็นโรคทิ้ง
- การป้องกันกำจัด ให้ฉีดพ่นด้วยชีวภัณฑ์ ป้องกันกำจัดเชื้อรา ไตรโคเดอร์มา สลับกับ บีเอส ซึ่งใช้ได้ระยะที่ยังเป็นต้นกล้า-ระยะการเติบโต


โรคเน่าคอดิน (Damping off) เชื้อสาเหตุ เชื้อรา Pythium sp. หรือ Phytophthora sp.
- ลักษณะอาการ : เป็นโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะในแปลงต้นกล้า เนื่องจากการหว่านเมล็ดที่แน่นทึบ อับลม และต้นเบียดกันมาก เนื้อเยื่อตรงแผลจะเน่าและแห้งไปอย่างรวดเร็ว ถ้าถูกแสงแดดทำให้ต้นกล้าหักพับ ต้นเหี่ยวแห้งตายในเวลารวดเร็ว บ
- เชื้อแพร่ระบาดได้โดย : เชื้อราติดมากับเมล็ด หรืออยู่ในดินดิน น้ำ ฝน พบโรคได้บ่อยในฤดูฝนหรือปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว
- การป้องกันกำจัด
- เตรียมแปลงให้มีการระบายน้ำดี อย่าให้น้ำขังแฉะในแปลง
- ใช้เมล็ดพันธุ์ดีไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ติดมากับเมล็ด และมีความงอกสูง ไม่หว่านเมล็ดแน่นเกินไป
- ก่อนปลูกคลุกเมล็ดด้วยสารชีวภัณฑ์ อัตรา 100 กรัม/ เมล็ด 1 กิโลกรัม
- สำหรับแปลงปลูกให้ปรับดินด้วยปูนขาวและปุ๋ยอินทรีย์ให้มากใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ผสมกับดินปลูก
- ตรวจแปลงสม่ำเสมอ พบต้นเป็นโรค รีบขุดเอาดินและต้นเป็นโรค ทำลายหรือฝังลึกนอกแปลง
โรคราสนิมขาวในผัก (White Rust) เชื้อสาเหตุ : เชื้อรา Albugo ipomoea-aquaticae Sawada
- อาการ : มีจุดสีเหลืองซีดด้านบนของใบ ด้านใต้ใบตรงกันข้ามจะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ขนาด 1-2 มิลลิเมตร อาจพบลักษณะปุ่มปม หรือบวมพองโตขึ้นในส่วนของก้านใบและลำต้น
- การป้องกันกำจัด
- หากเกิดโรคระบาดให้ฉีดพ่นใต้ใบด้วยไตรโคเดอร์มา สลับกับ บีเอส อัตราที่แนะนำ หากมีฝนตกชุกให้ผสมสารจับใบ
- คลุกเมล็ดก่อนปลูกด้วย ไตรโคเดอร์มา และเลือกใช้เมล็ดจากแหล่งที่ไม่มีโรคระบาดมาก่อน
- ดูแลระบบการให้น้ำในแปลงปลูกอย่าให้ชื้นแฉะจนเกินไป


โรคใบจุด (Alternaria leaf spot) สาเหตุของโรค : เกิดจากเชื้อรา Alternaria brassicae
- ลักษณะอาการของโรค :ในต้นกล้าจะพบจุดแผลเล็กๆ สีน้ำตาลที่บริเวณใบ/ โคนต้น ต้นโตแล้วใบมีแผลวงกลมสีน้ำตาลซ้อนกันหลายชั้น เนื้อเยื่อรอบๆ แผลเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ขแผลมีทั้งเล็กและใหญ่ บนแผลมักจะมีเชื้อราชั้นบางๆ เป็นผงสีดำ ผักบางชนิดและบางพันธุ์มีแผลที่ก้านใบเล็ก เป็นจุดสีน้ำตาล ปนดำ เนื้อเยื่อบุ๋มลงไปเล็กน้อย
- การแพร่ระบาด : สปอร์ของเชื้อสาเหตุสามารถปลิวไปได้ไกลๆโดยไปตามน้ำ ลม แมลง สัตว์ เครื่องมือการเกษตร มนุษย์ และสามารถติดไปกับเมล็ดพันธุ์ ได้หรืออาศัยอยู่กับวัชพืชในแปลง
- สภาพที่เหมาะต่อการเกิดโรค: ความชื้นสูง สภาพอากาศร้อนชื้น โดยเฉพาะในฤดูฝน อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส
- การป้องกันกำจัดแบบอินทรีย์ :
- ทำลายต้นเป็นโรคโดยการขุดถอนไปเผาทิ้ง
- ปลูกพืชหมุนเวียนไม่ควรให้น้ำแบบฉีดพ่นฝอย
- แช่เมล็ดในน้ำอุ่น 50 องศาเซลเซียส 30 นาที (ยกเว้นกะหล่ำดอก) คลุกเมล็ดด้วยชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดเชื้อรา ไตรโคเดอร์มา
- ฉีดพ่นสารชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดเชื้อรา ไตรโคเดอร์มา ทุกๆ 7 วันจะช่วยป้องกันกำจัดเชื้อรานี้
โรคเหี่ยว (wilt) เชื้อสาเหตุ เชื้อรา Fusarium oxysporum
- อาการ เกิดอาการเหี่ยวอย่างช้า ๆ ใบที่อยู่โคนต้นเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และร่วง ต่อมาใบจะเหี่ยวทั้งต้น เมื่อผ่าลำต้นบริเวณเหนือระดับดินตามยาวจะพบว่าท่อน้ำท่ออาหารเป็นสีน้ำตาล การผิดปกติของท่อน้ำท่ออาหารนี้จะลงไปถึงส่วนรากด้วย พริกที่เป็นโรคนี้ขั้นสุดท้ายจะแห้งตาย
- การระบาด การเกิดโรคนี้มักจะเกิดเป็นหย่อม ๆ ถ้าสภาพอากาศมีอุณหภูมิสูง และดินมีความชื้นสูง จะทำให้โรคนี้ระบาดได้ดี
- การป้องกันกำจัดแบบอินทรีย์
- ถ้าพบโรคในแปลงต้องถอนต้นที่เป็นโรคเผาทำลาย
- ก่อนปลูกพริกควรปรับสภาพดินด้วยปูนขาว และปุ๋ยคอก
